เปลวไฟแห่งรัก
ตอนที่๑
“ไม่มีทาง...ปาป้าต้องล้อผมเล่นแน่ๆ...”
น้ำเสียงหวนกระด้างของคนพูดทำให้ชายสูงวัยต้องรีบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย เสือขาวแห่งวลาดิสลาฟกำลังใกล้จะอาละวาด สีหน้าที่เคยเรียบเฉยมีอาการเหมือนอยากจะฆ่าคน เพียงแต่คนที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์คือพ่อของเขาเองทำให้วาริรานไม่สามารถจะระบายความรู้สึกออกมาได้เต็มที่
“ปาป้าเคยพูดเล่นหรือไงวาริ”
โอมาน วลาดิสลาฟ สิงห์เฒ่าแห่งสหพันธ์รัฐ ผู้กุมอำนาจทั้งเรื่องเงิน อาวุธ และการเมืองของประเทศรัสเซียถามเสียงเข้ม
“แต่...ทำไมไม่ให้โรมไปรับล่ะ ผม...มีงานต้องทำ”
วาริราน วลาดิสลาฟ หรือที่รู้จักกันในนาม เสือขาว ที่ทั้งดุและแทบจะยิ้มไม่เป็นยกมือขึ้นดึงปลายจมูกอย่างเริ่มหงุดหงิด สองขาขยับเดินไปมาจนน่าเวียนหัวและในที่สุดก็ทิ้งตัวลงนั่งพิงโซฟาตัวใหญ่ ยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วใช้สองมือกุมที่หัวเข่า
ภาพหญิงสาวนัยน์ตาดุ จมูกรั้นริมฝีปากอิ่มเชิดยังคงอยู่ในความทรงจำ นัยน์ตาสีดำสนิท ผมที่ดัดเป็นรอนทิ้งตัวเคลียไหล่รูปร่างบอบบางแต่กลับดุจนไม่น่าเชื่อเพียงแค่เขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพนักงานเสิร์ฟในงานเลี้ยงงานหนึ่งเท่านั้น เขาเลยได้ทานขนมไส้พริกแถมยังโดนประชดว่าที่เขาดุแบบนี้เพราะชอบทานขนมหวานเหมือนสุนัขที่อยากให้ดุก็ต้องเลี้ยงด้วยน้ำตาล
“ให้โรมไปรับเถอะปาป้า...ผมไม่อยากไป”
วาริรานพูดถึงรามาน วลาดิสลาฟ น้องชายคนรองที่เพิ่งแต่งงานกับผู้หญิงไทยไปไม่ถึงเดือน พลางอดคิดถึงน้องสะใภ้ตัวกลมไม่ได้ จุฑามาศ วลาดิสลาฟ หรือเดอะลิ้ตเติ้ลของปาป้าที่เขาไม่เห็นเลยว่าจะลิ้ตเติ้ลตรงไหน รอยยิ้มอย่างเอ็นดูก็เผยออกมา
วาริรานยอมรับว่ารามานเลือกผู้หญิงได้ดีกว่าที่เขาคิด ชายหนุ่มคิดแล้วก็อดคิดไปถึงอดีตคู่รักที่ทิ้งเขาไปทันทีที่ปาป้าเสนอเงินให้ก้อนใหญ่แล้วยอมเป็นเมียเก็บของสิงห์เฒ่าอย่างง่ายดาย ในขณะที่น้องสะใภ้ของเขากลับชวนน้องชายของเขาไปใช้นามสกุลของเจ้าหล่อนเสียโดยไม่เอาทุกอย่างที่เป็นของปาป้าเสียด้วย วาริรานคิดพลางถอนหายใจออกมา เขาคงไม่มีวันเจอผู้หญิงแบบนั้นแน่ๆ
“ถึงยังไงแกก็ต้องไปรับเธอมา...ไม่เห็นแก่ฉันก็คิดถึงน้องชายแกสิ”
โอมานอ้างถึงเอเรียส วลาดิสลาฟ ลูกชายคนเล็กที่อายุไม่กี่ปีที่ทั้งวาริรานและรามานต่างรักดังแก้วตาดวงใจ ซึ่งพอชายหนุ่มได้ยินก็นิ่งไป
สิงห์เฒ่ามองหน้าลูกชายคนโตแล้วอดคิดไม่ได้ว่า วาริรานเป็นชายหนุ่มที่คงความเป็นบุรุษเพศไว้อย่างชัดเจน นัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่ยามโกรธจะมีวงกลมสีขาวเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลวลาดิสลาฟ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปมีรอยหยักขึ้นให้เห็นเด่นชัด
รูปร่างสูงใหญ่ของวาริรานมักจะข่มให้คนรอบข้างดูด้อยไปถนัดตาอาจจะเป็นเพราะชุดสูทสีขาวตัวยาวที่เรียบกริบจนดูแล้วแทบจะบาดให้เนื้อขาดได้เพียงแค่เดินเฉียด ผมยาวถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกตรงท้ายทอยร่างกายแข็งแกร่ง อกกว้างกล้ามตึงทั้งเนื้อทั้งตัว มาดนิ่งๆ ไม่วอกแวกทำให้อดนึกถึงเจ้าพ่อหรือเหล่ามาเฟียดุๆ ที่ดูในภาพยนตร์ไม่ได้
“ก็ได้...ผมจะไปรับให้”
วาริรานตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องด้วยท่าทางไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับปากและทำตามเท่านั้น แต่...ปัญหาก็คือ เขาจะทำอย่างไรถึงจะเอาตัว อินทรา อัญมณีวิจิตรมาได้เพราะถ้าคนที่ไปรับเป็นเขา หญิงสาวคงไม่ยอมมาง่ายๆ
“ไม่ไป...”
อินทราปฎิเสธเสียงแข็ง เมื่อจุฑามาศพยายามโทรมาอ้อนอีกครั้ง
“มาเถอะพี่อิน...นะคะ”
“ถ้าอยู่ที่นั่นแล้วเหงา เธอจะแต่งงานไปทำไม กลับมาสิหิ้วสีดาของเธอมาด้วยก็ได้”
อินทราพูดปัดเพราะเข้าใจคนละอย่าง
“ไม่ใช่...พี่อินก็...นิดหมายความว่าที่อยากให้พี่อินมา เพราะเอเรียสร้องไห้คิดถึงพี่อิน”
เพียงแค่ได้ยินว่าเด็กชายตัวน้อยร้องไห้ อินทราก็ถึงกับพูดไม่ออก เวลานี้เธอเริ่มตัดสินใจไม่ถูก ไหนจะต้องดูแลการตกแต่งร้านอาหารเพราะเพิ่งขนข้าวของจากดิโอเชี่ยนห้างสรรพสินค้าที่ให้เช่าพื้นที่สำหรับเปิดกิจการได้อย่างอิสระมายัง วีเวิร์ดที่โอมานสร้างให้กับครอบครัวอัญมณีวิจิตรเพื่อเป็นของขวัญในการแต่งงานระหว่างรามานกับลูกพี่ลูกน้องของเธอแล้วไหนจะต้องเตรียมตัวไปฮ่องกงกับจริยาลูกพี่ลูกน้องอีกคนของเธออีก
“ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ว่างไง...จะไปหาพ่อครัวที่ฮ่องกงกับพี่แหวน”
“ให้ยายทิพไปกับพี่แหวนสิ...ไม่รู้ล่ะ ปาป้าส่งคนไปรับแล้ว อีกสองวันเจอกัน”
จุฑามาศตัดบทแล้วรีบวางหูไป ปล่อยให้อินทราถือโทรศัพท์แนบหูแล้วเรียกหญิงสาวเสียงดังแต่สุดท้ายก็มีแต่เพียงความเงียบเท่านั้น
อินทราทิ้งตัวลงนั่งแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความโมโห สุดท้ายเธอก็ทำได้แต่เพียงเตรียมเก็บเสื้อผ้ารอคนมารับ เพราะเมื่อคิดถึงเด็กชายตัวน้อยก็นึกสงสารขึ้นมาจนได้ตามประสาคนปากร้ายใจดี
“เอายายหวานไปด้วยสิอิน...ร้านของเขาเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”
อัคนีหันมาบอกลูกสาวคนโตเมื่อเธอมาบอกเรื่องที่จุฑามาศขอมา เขาก้มลงอ่านเอกสารในมือในขณะที่ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้องสาวกับน้องเขยเพื่อขอให้ทัศนาไปรัสเซียเป็นเพื่อนอินทราเพราะเป็นคนเดียวที่ตกแต่งร้านเสร็จแล้ว
ทัศนากำลังจะเปิดร้านหนังสือครบวงจรตามความใฝ่ฝันที่มีมาตั้งแต่เรียนจบ แต่เพราะมีปัญหาหลายๆ อย่างเลยทำให้ไม่ได้ทำตามที่ฝันสักที แต่คราวนี้พอได้เปิดสมใจก็ได้พิมพิราภรรยาของเขาช่วยเหลือทุกอย่างจึงทำให้เสร็จเร็วกว่าคนอื่น
จักราไม่ปฏิเสธคำขอของพี่ภรรยาทำให้อัคนียิ้มออกเพราะก่อนหน้านี้นึกห่วงลูกสาวคนโตที่จะเดินทางไปไกลแล้วไม่มีคนในครอบครัวไปด้วยแม้จะมั่นใจว่าเธอจะปลอดภัยในความดูแลของโอมาน แต่ก็ยังอดเป็นห่วงตามวิสัยของคนเป็นพ่อไม่ได้
ทันทีที่เห็นหน้าคนที่มารับใบหน้าของอินทราก็งอง้ำทันที ท่าทางยะโสของวาริรานยังทำให้เธอเกลียดมาถึงบัดนี้ เธอยังจำตอนที่วาริรานเดินทางไปร่วมงานในฐานะแขกระดับไฮคลาส คนของเขาที่ใส่ชุดขาวสะอาดตายิ่งดูเหมือนจะเสริมบารมีจนน่าหมั่นไส้ ขนมหวานที่เขาถือติดมือมาจากซุ้มเขากินจนหมดในเวลาไม่นาน พอดีที่เธอเดินมาเขาจึงกวักมือเรียกเพราะคิดว่าเป็นพนักงาน อินทราก้มลงมองตัวเองอเมื่อเห็นหนุ่มต่างชาติท่าทางยะโสกวักมือเรียกตน เธอมองชุดเสื้อแขนกระบอกสีเขียวปีกแมลงทับกับผ้านุ่งทอลายสีเดียวกันแล้วก็ยิ่งสงสัยว่าตนเองเหมือนเด็กเสริฟ์มากถึงขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ก็จำใจต้องเดินเข้าไปแล้วก็ต้องตัวแข็งด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยินคำทักที่เหมือนดูถูกเธอ
“ฟังภาษาอังกฤษออกไหม”
“ค่ะ”
อินทราจำได้ว่าเธอแทบจะชกหน้าอีตาขี้เก๊กสักเปรี้ยง
“ผมอยากได้ขนมหวานที่เป็นเม็ดๆ แบบนี้กับที่เป็นหยักๆ แบบนี้ แล้วก็ขนมไทยอีกสองสามอย่าง เอ่อ เข้าใจไหม”
วาริรานแสดงท่าทางแล้วชี้จานที่วางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะถามย้ำ เล่นเอาอินทราถึงกับควันออกหู
“เข้าใจค่ะ”
เธอทำขนมรสเลิศให้เขาโดยเฉพาะสาคูไส้หมูใส่พริกเม็ดเล็กๆ กับปากหม้อขนาดกำลังน่ารักถูกห่อหุ้มด้วยผักชีบ้างผักกาดหอมบ้าง แล้วใช้ไม้เสียบเอาไว้จัดวางลงบนจานสีขาวสะอาดตาตกแต่งด้วยพุทธาและลูกตาลเชื่อม ขนมจานพิเศษที่เธอทำไปส่งให้แขกบรรดาศักดิ์ด้วยตนเองนั้นเป็นอย่างไรไม่รู้เพราะทันทีที่วางขนมเสร็จเธอก็ออกไปเดินเล่นที่สวนหย่อมของโรงแรมทันที
วาริรานแทบจะหักคอแม่สาวจอมหยิ่งเมื่อเจอสาคูไส้พริกเข้าไป ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวสอดส่ายหาตัวต้นเรื่องเมื่อไม่พบจึงเรียกลูกน้องมาถามถึงได้รู้ว่าเธอเดินออกไปก่อนหน้านี้ไม่นานร่างสูงขยับลูกขึ้นยืนมือคว้าไม้จิ้มทองหยอดใส่ปากทีเดียวสามเม็ดรวด แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมด รสชาติเผ็ดติดลิ้นจนน้ำตาซึม
“ไปพาตัวมาหาฉันที่ห้องภายในสิบห้านาที”
วาริรานสั่งคนของเขาด้วยน้ำเสียงดุจนน่ากลัว เขากล่าวลาเจ้าของงานแล้วกลับห้องพักทันที เพื่อเตรียมจัดการกับคนที่แกล้งคนอื่นโดยไม่ดูให้ดีเสียก่อนว่าเขาเป็นใครดวงตาสีฟ้าใสเข้มขึ้น วงแหวนสีขาวที่มีในสายเลือดและมักปรากฏเมื่อยามโกรธแจ่มชัดขึ้นตรงจุดกึ่งกลางนัยน์ตาพอดี
ร่างสูงนั่งรอไม่นานนัก อินทราก็เดินก้าวเข้ามาอย่างองอาจ เธอไม่ยอมให้จับตัวและประกาศเสียงดังว่า ไปเองได้ ทำให้คนของวาริรานยังอดทึ่งไม่ได้
“มีอะไรให้รับใช้อีกล่ะคะนายท่าน”
หญิงสาวเชิดคางขึ้นแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายโดยไม่คิดที่จะหลบตา
“อืม....”
วาริรานครางออกมาอย่างชอบใจ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายวาววับ ชั่วขณะหนึ่งเขายอมรับว่าหญิงสาวกำลังแสดงให้รู้ว่าเขาไม่ได้มีอะไรที่ทำเธอกลัวเกรงเลยสักอย่าง คิ้วเข้มขมวดนิดๆ ใบหน้าเคร่งเครียดคลายออกเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากแทน
มีบางอย่างในตัวของหญิงสาวบอกให้รู้ได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะเข้าหาหรือตีสนิทได้ง่ายนัก และมันก็น่าท้าทายสำหรับเขาอินทราเม้มริมฝีปากแน่น สายตากวาดไปทั่วร่างกายแข็งแกร่ง อกกว้างกล้ามตึงทั้งเนื้อทั้งตัวของผู้ชายคนนี้บ่งบอกให้ต้องยอมรับถึงพลังของบุรุษเพศ มาดนิ่งๆ ไม่วอกแวกทำให้เธออดนึกถึงเจ้าพ่อหรือเหล่ามาเฟียดุๆ ที่ดูในภาพยนตร์ไม่ได้
หญิงสาวกำลังวิเคราะห์ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าแล้วลงความเห็นว่า เขาช่างเป็นคนที่ไม่น่าคบเสียเหลือเกิน เสน่ห์ของเขาไม่ทำให้เธอระทวยซึ่งทำให้วาริรานอดที่จะแปลกใจไม่ได้เลย
“คุณกำลังมองผมเหมือนเลือกพ่อพันธุ์ม้าสักตัว”
กังวานเสียงที่ออกมาทำให้ใบหน้านวลบึ้งตึงขึ้น สายตาคมกล้าจับจ้องใบหน้าเธอนิ่งและไม่คิดจะพูดอะไรออกมา ยิ่งทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยความอึดอัด
“พวกนายออกไปก่อน”
วาริรานสั่งคนของเขาเสียงดัง ‘ให้ตายสิ ใครบอกได้ไหมว่าทำไมฉันต้องมาเจอผู้หญิงแบบนี้ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ทั้งดื้อรั้นและ...’
“ปากกล้าจริงนะ”
“แล้วจะทำไมล่ะ คุณดูถูกฉันก่อนนะ ผู้ชายบ้าอำนาจ ยะโสโอหังคิดว่าสูงกว่าคนอื่นหรือไง ก็แค่รวยเท่านั้น นอกนั้น...ก็ไม่ได้วิเศษอะไรกว่าผู้ชายคนอื่นๆ ที่ฉันรู้จักเลย...จะว่าไปน้องๆของฉันยังจะมีดีกว่าคุณเสียอีก”
เพียงแค่วาริรานหลุดปาก อินทราก็สวนกลับทันทีเช่นกัน เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับตัวสั่นเพราะความโกรธ
“พูดแบบนี้...ถ้าไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิง ฉันคงเอาเลือดปากเธอออกมาดูแล้วล่ะว่ามันจะแดงขนาดไหน”
วาริรานตะบบมือที่ปลายคางเรียวแล้วบีบแน่น มืออีกข้างคว้าเอวบางดึงเขามาจนชิดแขนทั้งสองข้างถูกกอดรัดเอาไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว หญิงสาวพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่เพราะเธอตัวเล็กกว่าเขามาก ริมฝีปากอิ่มถูกอีกฝ่ายบดเบียดริมฝีปากลงมาเต็มแรง
จูบลงโทษที่ไร้ความอ่อนหวาน มันเต็มไปด้วยความจาบจ้วงและกลั่นแกล้งอย่างตั้งใจแต่ไม่นานนักทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน วาริรานเริ่มซึมซับความไร้ประสบการณ์ได้ในเวลาต่อมาเขาเลื่อนมือที่บีบปลายคางออกแล้วกอดรัดร่างของเธอแน่นเข้าจนร่างกายนุ่มนิ่มแทบจะฝังเป็นเนื้อเดียวกับร่างของเขา
อินทราขมวดคิ้ว สายตาที่มองตอบเธอตอนนี้เหมือนจะถามว่ายังจำรสจูบของเขาได้ไหม ในขณะเธอก็อยากจะถามว่าแผลที่เท้าเขาหายหรือยัง ร่างสูงนั่งเอนตัวทอดขายาวออกมาราวกับเจ้าพ่อในหนังเรื่องที่เคยดู รอยยิ้มกวนอารมณ์ดูแล้วน่าเกลียดสำหรับเธอ
“ใครเชิญคุณเข้าบ้าน...ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“ยังปากดีเหมือนเดิม”
วาริรานพูดเสียงเนิบนาบราวกับแมวขี้เกียจ เสือร้ายยิ้มที่มุมปากคล้ายกับกำลังเยาะ เขาขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงรอยยิ้มที่ปรากฏเพียงแวบเดียวหายไปทันทีกลายเป็นใบหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม
“ไปเก็บเสื้อผ้าให้เสร็จภายในสามนาที แล้วเราจะบินไปรัสเซีย”
“จะบ้าหรือไง”
อินทราตวาดเสียงเขียว คนของเสือขาวต่างหันไม่มองหน้ากันแล้วคิดว่าหญิงสาวจะรู้ตัวไหมว่ากำลังแหย่เสือหลับเข้าให้แล้ว หากแต่คนที่ถูกตวาดกลับเลิกคิ้วแล้วสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนต้องการระงับความโกรธที่กำลังจะระเบิดออกมา
“เหลือสองนาที...”
“ฉันไม่ไปกับคุณ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
นัยน์ตาสีอ่อนมีจุดสีขาวขึ้นมาทันที
“พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม...ตอนนี้...เหลือแค่นาทีเดียว ถ้าไม่ขยับคุณจะได้ไปทั้งชุดนี้”
อินทรายกมือขึ้นกอดตัวเองเธอมองคนตรงหน้าตาขุ่น
“แล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนเปลี่ยน”
“ไม่มีเปลี่ยนก็แก้ผ้าเอา...”
วาริรานตอบแล้วเดินเข้าไปหยิบรูปหญิงสาวในตู้โชว์มาดู นัยน์ตาพราวระยับด้วยความขบขันเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนสียิ้มใส่กล้องในแบบที่ไม่กลัวว่าจะตลกหรือน่าเกลียด ชุดนักศึกษาที่เธอใส่ดูเข้ากับเจ้าตัวแม้แต่เวลานี้ก็ยังดูว่าไม่แตกต่างกัน
“จะบ้าเหรอ...ใครจะยอมแก้ผ้า คุณกลับไปก่อนแล้วฉันกับน้องค่อยตามไป”
“ไม่มีการต่อรอง ผมบอกว่าเดี๋ยวนี้ก็ต้องเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงดุดันของวาริรานไม่ได้ทำให้อินทรากลัว แต่กลายเป็นทำให้หญิงสาวโกรธมากกว่า
“ไม่ไป...”
เสือขาวอารมณ์เริ่มขุ่น นัยน์ตาวาวโรจน์ใจอยากจับหญิงสาวยัดใส่กระสอบแล้วโยนขึ้นเครื่องไปจะได้หมดเรื่องหมดราวเสียทีอีกสองวันเขาจะต้องเข้าประชุมแต่กลับต้องมาทำหน้าที่บ้าๆ น่ารำคาญ ผู้หญิงเป็นเพศที่น่ารำคาญที่สุดนอกจากเวลาที่เขาต้องการผ่อนคลายเท่านั้นถึงจะเรียกมาสักคน แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ก้าวขึ้นเตียงนอนของเขาสักคน
โรงแรมดิสลาฟเป็นสถานที่ที่วาริรานใช้ในการพักผ่อน สถานที่ที่มีทั้งบ่อนคาสิโน ผับ บาร์และแหล่งรวบรวมสาวงามจากนานาประเทศจะเรียกว่าเป็นธุรกิจในมุมมืดก็ได้ หากแต่เพราะวาริรานเป็นลูกคนโต เขาจึงต้องรับหน้าที่สืบทอดทุกอย่างไม่ว่าจะทางการเมืองหรืองานใต้ดิน
“จะตามไป...ก็ต่อเมื่อฉันพอใจจะไปเท่านั้น”
สองเท้าก้าวย่างช้าๆ เขาเดินมาหยุดตรงหน้าหญิงสาวแล้วหรี่ตามองเธอ ท่าทางราวกับเสือหนุ่มที่มองเห็นกวางสาวและพร้อมที่จะกระโจนเข้าเล่นงานทำให้ผู้ติดตามต่างพากันลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้
“เหลืออีกสิบวินาที...ตัดสินใจซะ จะขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าหรือไปแต่ตัว”
“ไม่ไป...ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะฟ้องปาป้า...”
เท้าที่กำลังก้าวชะงัก ถ้าปาป้ารู้...เขาก็ต้องโดนว่า วาริรานทำเสียงขลุกขลักในลำคอแล้วหันหลังออกมา
“จัดการอะไรต่ออะไรของเธอให้เสร็จ พรุ่งนี้จะมารับแต่เช้า”
เหมือนพายุร้ายที่พัดผ่านไปในเวลาอันรวดเร็ว อินทรารีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าคว้ากุญแจรถแล้วขับออกไปโดยทิ้งจดหมายไว้เพิ่งว่าจะไปพักบ้านเพื่อนอีกสองวันจะกลับมา ทันทีที่รถของหญิงสาวพ้นรั้วบ้านคนของวาริรานก็ตามไปทันที
จดหมายของหญิงสาวถูกส่งถึงมือเสือขาวและในเวลาไม่นานจดหมายฉบับนั้นก็ถูกเปลี่ยนข้อความใหม่ด้วยลายมือที่เหมือนของหญิงสาวราวกับเธอเป็นคนเขียนเอง
‘ปาป้าส่งคนมารับหนู...แล้วจะโทรหาค่ะ’
ท้องฟ้ามืดครึ้มสายฝนเริ่มพัดกระหน่ำ รถยนต์สองคันขับตามกันมาด้วยความเร็วสูง คันแรกมีชายใส่สูทสีขาวเป็นผู้ขับเพียงคนเดียว ส่วนอีกคันมีผู้โดยสารสองคน คนหนึ่งนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาส่วนอีกคนนั่งกอดอกนิ่งปล่อยให้ตักของตนทำหน้าที่ต่างหมอน
มือคร้ามยกขึ้นแตะแก้มของตน ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะฤทธิ์มากเสียขนาดนี้ สามารถข่วนหน้าเขาให้เป็นรอยได้ วาริรานกดมุมปากนิดๆ ไม่เคยมีผู้หญิงที่กล้าทำร้ายเขามาก่อนอินทราเป็นคนแรกที่กล้าและยั่วโทสะมาสองครั้งแล้ว
ตอนแรกเขาตั้งใจจะให้คนจับตัวมาโดยอาศัยช่วงโอกาสที่หญิงสาวจอดรถเพื่อแวะซื้อของ แต่เมื่อขับตามมาเรื่อยๆ ก็เริ่มรำคาญขึ้นทุกทีเพราะเจ้าหล่อนเล่นไม่แวะพักที่ไหน ไม่แม้แต่จะจอดแวะเติมน้ำมัน ในที่สุดเขาจึงออกคำสั่งให้ขับปาดหน้ารถคันนั้นด้วยความหงุดหงิดใจ
ใบหน้าของหญิงสาวที่เปิดประตูออกมากลับไม่ได้ดูหวาดก
ลัวอย่างที่เขาคิด อาจเป็นเพราะเธอรู้ทันทีว่าใครเป็นคนทำจากลักษณะการแต่งตัวของคนขับรถที่ก้าวลงมายืนอยู่ข้างๆ รถ
แต่เป็นเพราะทุกคนรู้ว่าหญิงสาวคือใครจึงไม่มีใครกล้าจับตัวเธอสักคน จึงกลายเป็นงานที่วาริรานไม่อยากจะทำเอาเสียเลย ขายาวๆ ก้าวลงจากรถ สายตาของอินทราจับจ้องสันกางเกงเรียบกริบแล้วเบ้ปากเหมือนจะบอกว่า...ที่คิดเอาไว้นั้นไม่ผิดเลยสักนิดเดียว
เป็นครั้งแรกที่วาริรานคิดไม่ออกว่าจะฟาดผู้หญิงจอมกวนสักทีหรือกระชากเสื้อยืดตัวสวยให้ขาดติดมือแล้วจัดการสั่งสอนให้รู้ว่าผู้ชายแท้ๆ นั้นเป็นอย่างไร ริมฝีปากอิ่มที่เคยลิ้มลองว่าหวานขนาดไหนขยับตามการพูดเป็นไฟแลบ เสือขาวยิ้มแล้วมือที่ยื่นไปรับผ้าผืนหนาจากคนสนิทก็โป๊ะลงที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของเธอพอดี
แขนข้างหนึ่งกระชากแขนเรียวเข้าหาตัวก่อนจะโยนผ้าคืนแล้วอุ้มร่างที่เล็กกว่ามาเดินมาขึ้นรถ...มือหนาเขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าออกอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงอย่างอินทราจะชอบผู้ชายแบบไหนกัน
“อะไรนะ...”
โอมานผุดลุกขึ้นยืนเมื่อลูกชายคนโตเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วพูดเสียงเรียบว่าพาคนที่ต้องการมาส่งให้แล้ว และ...ด้วยวิธีไหน
ขายาวยืดออกด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ มือคว้าหนังสือพิมพ์มากางออกอ่านข่าวคราวที่ขาดหายไปในช่วงสองวันโดยไม่สนใจว่าตอนนี้โอมานกำลังโกรธขนาดไหน
“เกินไปไหมวาริ...”
“ก็เธอไม่ยอมมาดีๆ ...ก็...”
“พอเลยวาริ...ปาป้าไม่อยากฟัง”
โอมานยกมือห้ามแล้วทิ้งตัวลงนั่งพลางยกน้ำขิงขึ้นมาดื่มจนหมด สายตาของเสือขาวจับจ้องท่าทางของผู้เป็นพ่อแล้วแอบยิ้ม ไม่ว่าจุฑามาศจะทำอะไรมาให้ทานรู้สึกว่าพ่อของเขาจะไม่เคยบ่น แถมยังติดใจอาหารไทยจนต้องมีติดโต๊ะอาหารวันละสองหรือสามอย่าง แต่ตัวเขาคงต้องของดเพราะท้องไส้ไม่ถูกกับอาหารรสจัดจ้านเอาเสียเลย เข็ดกับสปาเก็ตตี้สูตรพิเศษของน้องสะใภ้มาจนทุกวันนี้ก็ว่าได้
ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มเมื่อคิดถึงไข่หวานที่ได้ทานเมื่อวันก่อน ใจอยากจะทานอีกครั้งแต่ต้องมายุ่งยากกับความดื้อรั้นของบางคนจนอดได้ไปชิมขนมหวานอย่างอื่น
“พรุ่งนี้ปาป้าจะให้ผมเข้าไปในสหพันธ์หรือเปล่า”
“ไม่ต้องเข้าไปหรอก...ตอนนี้รอดูเหตุการณ์กันไปก่อน”
วาริรานขมวดคิ้วเหมือนจะไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นอาการเหนื่อยหน่ายของผู้เป็นพ่อจึงเลือกที่จะเฉย นัยน์ตาสีใสดูเหมือนมีความขุ่นมัวซ่อนไว้จนกระทั่ง....
“ปาป้า...ปาป้า...พี่อินมาแล้ว...พี่อินมาแล้ว”
เอเรียสวิ่งหน้าบานเข้ามาริมฝีปากเผยยิ้มกว้างด้วยความดีใจด้านหลังอินทราเดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้โอมานก่อนจะยืนมือออกมาจับทักทาย หญิงสาวเข้าไปทรุดนั่งข้างๆ สิงห์เฒ่าแล้วถามถึงอาการปวดเข่าที่จุฑามาศเล่าให้ฟัง มือบางยกขึ้นแตะที่หัวเข่าเมื่อโอมานชี้จุดที่เขาปวดให้เธอดู
วาริรานรู้สึกขัดหูขัดตาอย่างประหลาด เขาเอนตัวพิงโซฟาแล้วใช้ข้อศอกวางไว้บนที่เท้าแขนมือกำเป็นกำปั้นรองคางของตนแล้วมองหญิงสาวอยู่เงียบๆ รอยยิ้มที่มุมปากเผยออกมาเมื่อน้องชายตัวดีวิ่งวนไปรอบๆ ด้วยอาการดีใจก่อนจะโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของอินทรา
“อยู่กับเอเรียสนานๆ นะครับพี่อิน”
เอเรียสอ้อนพลางฝังหน้ากับอกอิ่มจนคนมองรู้สึกอิจฉา สายตาที่เฝ้าจับจ้องอย่างไม่รู้ตัวอยู่นั้นทำให้โอมานเริ่มเห็นว่าสิ่งที่ตนเองคาดไว้น่าจะสำเร็จ เพียงแต่...มันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนเขายังไม่แน่ใจเท่านั้นเอง
|